top of page

3 วิธีจัดการงานให้มีประสิทธิภาพ ฉบับมนุษย์ออฟฟิศ

ในยุคที่งานรัดตัว ทุกอย่างเต็มไปด้วย deadlines และความรับผิดชอบมากมาย การจัดการงานให้มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมนุษย์ออฟฟิศ ซึ่งวันนี้ MindDoJo มาแบ่งปัน 3 วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเครียดในการทำงานได้ จะมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อม ๆ กันเลย
ในยุคที่งานรัดตัว ทุกอย่างเต็มไปด้วย deadlines และความรับผิดชอบมากมาย การจัดการงานให้มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมนุษย์ออฟฟิศ ซึ่งวันนี้ MindDoJo มาแบ่งปัน 3 วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเครียดในการทำงานได้ จะมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อม ๆ กันเลย


1. การวางแผนและจัดลำดับความสำคัญ  การสร้าง To-Do List: เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการทำรายการงานที่ต้องทำในแต่ละวันหรือสัปดาห์ และจัดลำดับความสำคัญทั้งงานหลัก งานรอง งานสำคัญ งานเร่งด่วนรวมถึงงานจิปาถะ   การใช้เทคนิค Eisenhower Matrix: แบ่งงานออกเป็น 4 ประเภทคือ เร่งด่วนและสำคัญ ไม่เร่งด่วนแต่สำคัญ เร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วนและไม่สำคัญ แล้วทำงานตามลำดับความสำคัญนั้น  การตั้งเป้าหมาย (SMART Goals): ตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ ทำได้จริง มีความเกี่ยวข้อง และกำหนดเวลาชัดเจน เพื่อให้มีแนวทางในการทำงานที่ชัดเจน

1. การวางแผนและจัดลำดับความสำคัญ


  • การสร้าง To-Do List: เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการทำรายการงานที่ต้องทำในแต่ละวันหรือสัปดาห์ และจัดลำดับความสำคัญทั้งงานหลัก งานรอง งานสำคัญ งานเร่งด่วนรวมถึงงานจิปาถะ 

  • การใช้เทคนิค Eisenhower Matrix: แบ่งงานออกเป็น 4 ประเภทคือ เร่งด่วนและสำคัญ ไม่เร่งด่วนแต่สำคัญ เร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วนและไม่สำคัญ แล้วทำงานตามลำดับความสำคัญนั้น

  • การตั้งเป้าหมาย (SMART Goals): ตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ ทำได้จริง มีความเกี่ยวข้อง และกำหนดเวลาชัดเจน เพื่อให้มีแนวทางในการทำงานที่ชัดเจน



2. การจัดการเวลา  การแบ่งเวลา (Time Blocking): แบ่งเวลาในแต่ละวันเป็นช่วงๆ และกำหนดงานที่ต้องทำในแต่ละช่วงเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ  การใช้เทคนิค Pomodoro: ทำงานอย่างเต็มที่เป็นเวลา 25 นาที แล้วพัก 5 นาที และหลังจากทำครบ 4 รอบให้พักยาว 15-30 นาที เทคนิคนี้ช่วยในการคงความตั้งใจและลดความเหนื่อยล้าได้   การหลีกเลี่ยงการมัลติทาสกิ้ง (Multitasking): เน้นทำงานทีละงาน เพื่อให้เสร็จสิ้นและมีคุณภาพดีกว่าการทำหลายงานพร้อมกัน

2. การจัดการเวลา


  • การแบ่งเวลา (Time Blocking): แบ่งเวลาในแต่ละวันเป็นช่วงๆ และกำหนดงานที่ต้องทำในแต่ละช่วงเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

  • การใช้เทคนิค Pomodoro: ทำงานอย่างเต็มที่เป็นเวลา 25 นาที แล้วพัก 5 นาที และหลังจากทำครบ 4 รอบให้พักยาว 15-30 นาที เทคนิคนี้ช่วยในการคงความตั้งใจและลดความเหนื่อยล้าได้

  • การหลีกเลี่ยงการมัลติทาสกิ้ง (Multitasking): เน้นทำงานทีละงาน เพื่อให้เสร็จสิ้นและมีคุณภาพดีกว่าการทำหลายงานพร้อมกัน


3. การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีช่วยจัดการงาน  การใช้แอปพลิเคชันจัดการงาน: เครื่องมือยอดนิยม เช่น Trello, Asana หรือ Microsoft To Do ที่ช่วยในการวางแผนงานและติดตามความคืบหน้า  การใช้แอปพลิเคชันจัดการเวลา: เช่น RescueTime หรือ Clockify ที่ช่วยในการติดตามและวิเคราะห์การใช้เวลาในแต่ละวัน  การใช้ระบบเก็บบันทึกและแชร์ข้อมูล: เช่น Google Drive, Dropbox หรือ OneDrive ที่ช่วยในการจัดเก็บและแบ่งปันเอกสารและข้อมูลให้เข้าถึงได้ง่าย

3. การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีช่วยจัดการงาน


  • การใช้แอปพลิเคชันจัดการงาน: เครื่องมือยอดนิยม เช่น Trello, Asana หรือ Microsoft To Do ที่ช่วยในการวางแผนงานและติดตามความคืบหน้า

  • การใช้แอปพลิเคชันจัดการเวลา: เช่น RescueTime หรือ Clockify ที่ช่วยในการติดตามและวิเคราะห์การใช้เวลาในแต่ละวัน

  • การใช้ระบบเก็บบันทึกและแชร์ข้อมูล: เช่น Google Drive, Dropbox หรือ OneDrive ที่ช่วยในการจัดเก็บและแบ่งปันเอกสารและข้อมูลให้เข้าถึงได้ง่าย


หวังว่าทั้ง 3 วิธีนี้จะช่วยให้ก่ารจัดการงานได้ดีขึ้น ประหยัดเวลาและช่วยลดความเครียดได้


Performance Management การจัดการผลการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพช่วยให้มั่นใจได้ว่า พนักงานทุกคนสอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กร  ด้วยการกำหนดความคาดหวังที่ชัดเจนและให้ข้อเสนอแนะอย่างสม่ำเสมอ  ผู้จัดการสามารถช่วยให้พนักงานเข้าใจว่างานของพวกเขามีส่วนช่วย ต่อความสำเร็จขององค์กรได้อย่างไร

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating

สมัครรับข่าวสารใหม่ ๆ 

และทรัพยากร MindDoJo

bottom of page