Benefits of MBTI In the Workplace
- MindDoJo Thailand
- 22 เม.ย.
- ยาว 1 นาที

ปลดล็อกความสำเร็จในที่ทำงานด้วย MBTI: ทำความเข้าใจบุคลิกภาพเพื่อยกระดับทีมของคุณ
เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางความขัดแย้งในที่ทำงานถึงคลี่คลายได้ง่าย ในขณะที่บางเรื่องกลับลุกลามใหญ่โต? หรือทำไมบางทีมถึงทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ขณะที่บางทีมกลับมีปัญหาตลอดเวลา? คำตอบอาจอยู่ที่ความแตกต่างของบุคลิกภาพ และนี่คือจุดที่ Myers-Briggs Type Indicator (MBTI) สามารถเข้ามาช่วยได้
MBTI เป็นแบบประเมินบุคลิกภาพที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยแบ่งบุคลิกของคนออกเป็น 16 ประเภท ตาม 4 มิติหลัก ได้แก่ Extraversion vs. Introversion, Sensing vs. Intuition, Thinking vs. Feeling, และ Judging vs. Perceiving การทำความเข้าใจบุคลิกภาพเหล่านี้ในที่ทำงานสามารถช่วยเสริมสร้างการสื่อสาร ทีมเวิร์ก และสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีประสิทธิภาพและกลมเกลียวมากขึ้น
1. ลดความขัดแย้งในที่ทำงาน
ความขัดแย้งในที่ทำงานเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การเข้าใจ MBTI สามารถช่วยให้รับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะแต่ละบุคลิกมีวิธีจัดการกับปัญหาที่แตกต่างกัน บางคนเผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมา ขณะที่บางคนต้องใช้เวลาไตร่ตรองก่อนตอบสนอง เช่น ESFP (กระตือรือร้นและเป็นมิตร) อาจรับเรื่องต่าง ๆ เป็นการส่วนตัวมากกว่า ขณะที่ ISFJ (มีระเบียบและภักดี) อาจมองหาวิธีแก้ปัญหาที่มีโครงสร้าง การตระหนักถึงความแตกต่างเหล่านี้ช่วยให้สามารถปรับวิธีการสื่อสารเพื่อลดความตึงเครียดก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย
2. พัฒนาการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในที่ทำงาน และ MBTI สามารถช่วยปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ENTJ (มุ่งมั่นและกล้าตัดสินใจ) ชอบการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาและกระชับ ในขณะที่ INFP (อ่อนไหวและมีอุดมคติ) อาจต้องการวิธีสื่อสารที่มีความละเอียดอ่อนและคำนึงถึงอารมณ์มากขึ้น การเข้าใจว่าคนรอบตัวประมวลผลข้อมูลและแสดงออกอย่างไร ช่วยให้การสนทนามีประสิทธิภาพและสร้างผลกระทบมากขึ้น
3. เสริมสร้างทีมเวิร์ก
เคยทำงานเป็นทีมที่เข้าขากันได้ดีไหม? ส่วนใหญ่แล้ว นั่นเป็นเพราะไดนามิกของบุคลิกภาพที่เสริมกัน MBTI ช่วยให้ผู้จัดการและพนักงานเข้าใจว่าบุคลิกประเภทใดทำงานร่วมกันได้ดี และสามารถจัดทีมให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ ตัวอย่างเช่น ISTJ (มีเหตุผลและรับผิดชอบ) ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ที่ดี อาจทำงานร่วมกับ ENFP (สร้างสรรค์และยืดหยุ่น) ซึ่งเต็มไปด้วยไอเดียใหม่ ๆ ได้อย่างสมดุล ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันที่ลงตัวระหว่างโครงสร้างและความคิดสร้างสรรค์
4. ดึงจุดแข็งของแต่ละบุคลิกมาใช้ให้เกิดประโยชน์
แต่ละประเภท MBTI มีจุดแข็งที่แตกต่างกัน การตระหนักถึงจุดแข็งเหล่านี้ช่วยให้ผู้จัดการสามารถมอบหมายงานให้เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของพนักงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการทำงานและประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม ตัวอย่างเช่น INTJ (มองการณ์ไกลและวางกลยุทธ์) เหมาะกับงานวางแผนและแก้ปัญหา ส่วน ESFJ (เป็นมิตรและมีระเบียบ) จะเปล่งประกายในงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้คน เช่น บริการลูกค้าหรือทรัพยากรบุคคล การใช้จุดแข็งเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้องค์กรเพิ่มศักยภาพและลดความไร้ประสิทธิภาพในที่ทำงาน
5. ส่งเสริมการพัฒนาตนเองและการเติบโต
หนึ่งในประโยชน์ที่ถูกมองข้ามของ MBTI คือความสามารถในการเสริมสร้างการตระหนักรู้ในตนเอง เมื่อพนักงานเข้าใจบุคลิกภาพของตัวเอง พวกเขาจะสามารถรับรู้รูปแบบการทำงาน แรงกระตุ้น และจุดที่ต้องพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสายงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การเข้าใจรูปแบบการคิดของตนเองสามารถนำไปสู่ไอเดียและแนวทางแก้ปัญหาใหม่ ๆ การสนับสนุนให้พนักงานสำรวจผลลัพธ์ MBTI ของตนเองสามารถช่วยให้พวกเขาทำงานได้อย่างชาญฉลาดขึ้น สื่อสารได้ดีขึ้น และเติบโตในสายงานของตน
การนำ MBTI มาใช้ในวัฒนธรรมองค์กร ไม่ได้หมายถึงการตีกรอบพนักงาน แต่เป็นการใช้เครื่องมือเพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าใจตัวเองและผู้อื่นมากขึ้น หากใช้อย่างเหมาะสม MBTI สามารถช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เต็มไปด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน การทำงานเป็นทีมที่แข็งแกร่ง และการจัดวางบุคลากรให้เหมาะสมกับศักยภาพของพวกเขา
การเข้าใจบุคลิกภาพช่วยพัฒนาไดนามิกของการทำงานร่วมกัน เพิ่มความสำเร็จให้กับทีมวันนี้!
Yorumlar